corporatepaperwork.com
สวัสดีค่ะคุณ P อาการใจสั่นอาจเกิดจาก 1. สาเหตุทายกาย -โรคหัวใจ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ มีการตายของกล้ามเนื้อหัวใจ เส้นเลือดหัวใจตีบ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจทำงานล้มเหลวเฉียบพลัน ซึ่งจะทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย ขาบวม นอนราบไม่ได้ร่วมด้วย -โรคปอดเช่น หอบหืด ถุงลมโป่งพอง -โรคต่อมไทรอยด์ทำงานมากผิดปกติ -การใช้ยาหรือสารเสพติดที่กระตุ้นการทำงานของหัวใจ 2. สาเหตุจากความวิตกกังวล หรือการกระทบการเทือนทางจิตใจ โดยไม่มีสาเหตุทางกาย มักมีอาการแขนขาชา มือเกร็ง หรือเวียนศีรษะร่วมด้วย ในกรณีนี้อาจเกิดจากสาเหตุทางจิตใจ เช่นการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ แนะนำว่าถ้ามีอาการใจสั่น ร่วมกับเหนื่อยง่ายมากขึ้น ทำกิจกรรมที่เดิมทำได้แต่ตอนนี้เหนื่อย อาจจะต้องไปตรวจดูเพิ่มเติมค่ะว่ามีการทำงานของหัวใจที่ยังปกติอยู่หรือไม่ ควรฝึกการสงบสติอารมณ์ ตั้งสติ ทำจิตใจให้เข้มแข็ง และหาทางต่อสู้กับปัญหา งดการออกแรงหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เหนื่อย ดูแลสุขภาพทั่วไป งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน หยุดสูบบุหรี่ หยุดใช้ยาที่มีสารกระตุ้น
Skip to content แตกตื่นกันทั้งโรงเรียน! เด็กหญิง ป. 5 จู่ๆ แน่นน่าอก หมดแรง -ใจสั่น ก่อนรู้ไปทำอะไรมา พ่อแม่ช็อกไม่คิดจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!
จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ อาจเกิดได้จากหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นกับหัวใจ ซึ่งทำให้หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติหรือเต้นไม่เป็นจังหวะ, หัวใจห้องบนเต้นถี่, ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อื่น ๆ เช่น หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ หรือเต้นช้ากว่าปกติ 6. การรับประทานยาบางชนิด ยาบางชนิดทำให้เกิดอาการใจสั่นได้ เช่น ยาพ่นรักษาหอบหืดบางชนิดที่มีส่วนประกอบของสารกระตุ้น เช่น ซาลบูทามอล ยาแก้ไอหรือยาแก้หวัด ที่มีส่วนประกอบของยาซูโดเอฟีดรีน ยารักษาภาวะซึมเศร้า ยาปฏิชีวนะ ยาลดน้ำหนัก หรือ ยาลดความดัน ฯลฯ ซึ่งหากรับประทานยาเหล่านี้ร่วมกันก็อาจทำให้ใจสั่นได้ 7.
เผยแพร่: 31 พ. ค. 2564 12:12 ปรับปรุง: 31 พ. 2564 12:12 โดย: ผู้จัดการออนไลน์ อาการใจสั่น คือ อาการที่เกิดจากหัวใจมีการเต้นผิดจังหวะ อาจเต้นเร็วเกินไป หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ออกกำลังกายหนักเกิน มีความเครียด หรือแม้กระทั่งผลข้างเคียงจากยาบางชนิด หรือสาเหตุรุนแรงที่พบได้น้อย เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ สาเหตุของอาการใจสั่นเกิดจากอะไรได้บ้าง 1. การออกกำลังกาย การออกกำลังกาย เช่น การวิ่ง อาจทำให้หัวใจของคุณจะเต้นเร็วขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ทัน ทำให้หัวใจทำงานหนักเกินไปจนกระทั่งเกิดอาการใจสั่น 2. ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ หากวันทั้งวันไม่ได้รับประทานข้าว อาจทำให้มีอาการใจสั่น มื่อสั่น เหงื่อออก และหน้ามืดได้ เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง 3. ได้รับคาเฟอีนมากเกิน เพราะเป็นสารที่มีฤทธิ์กระตุ้นการเต้นของหัวใจ ทำให้ใจสั่นได้ นอกจากกาแฟแล้ว คาเฟอีนยังพบจากอาหารหรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ได้อีก เช่น ชา ช็อคโกแลต โซดา และเครื่องดื่มชูกำลังต่าง ๆ 4. ความเครียดหรือความกังวล เนื่องจากมีผลเร่งการเต้นของหัวใจ เพื่อให้ร่างกายพร้อมที่จะเผชิญความกลัว แม้จะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายก็ตาม แต่ก็ส่งผลให้เกิดอาการ ใจเต้นเร็ว เหงื่อแตก สั่น หายใจติดขัดได้ โดยอาการนี้จะมีอาการคล้ายกับโรคหัวใจ แต่หากไม่แน่ใจในอาการและโรค ก็ควรที่จะไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย 5.