corporatepaperwork.com
ออ ล ซี ซั่ น สุราษฎร์ธานี ดู หนัง เรื่อง นักรบ ครึ่ง เทวดา ผม ขาด หลุด ร่วง เยอะ มาก ต่อ พ ร บ ออนไลน์
ประสิทธิภาพการทำงาน 2. FaceTime แบบกลุ่ม (พร้อมใช้งานภายในปี 2561 นี้) 3. Animoji 4. Memoji 5. เอฟเฟ็กต์กล้อง 6. ARKit 2. 0 7. Screen Time 8. การแจ้งเตือนแบบกลุ่ม (Group Notifications) 9. โหมดห้ามรบกวน (Do Not Disturb) 10. รูปภาพ (Photos) 11. กล้อง (Camera) 12. Siri 13. ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย 14. ฟีเจอร์ใหม่และการอัปเดตอื่นๆ 15. อุปกรณ์ที่รองรับ iOS 12 หลังจากที่อัพเดตไปแล้ว หลายคนคงประทับใจในหลายเรื่อง ต่างก็อาจจะมีบางคนที่อยากจะตั้งค่าให้ iPhone, iPad สามารถใช้งานได้ไหลลื่นและประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น เรามาดูกันดีกว่าถึงวิธีตั้งค่า iPhone, iPad ให้ประหยัดแบตเตอรี่ใน iOS 12 1. ตรวจสอบ Battery Life ใน iOS 12 ก็มีรายละเอียดว่าแอปใดใช้แบตเตอรี่เยอะให้ดูย้อนหลังได้ถึง 10 วัน และยังมีแผนภูมิแสดงระดับแบตเตอรี่และกิจกรรมที่เล่น iPhone, iPad ในแต่ละช่วงเวลา วีธีการตั้งค่า ให้การตั้งค่า (Settings) > แบตเตอรี่ (Battery) > เลื่อนดูส่วนการใช้านแบตเตอรี่ของแอป (Battery Usage) > แตะที่ชื่อแอป เห็นได้ว่ามีการแสดงการใช้งานแบตเตอรี่ว่าเราใช้งานแบตเตอรี่ในแอปไหนเยอะมากที่สุด และแต่ละแอปใช้ไปเท่าไหร่ 2.
ถ้าอยากใช้ iPhone 13 ให้ได้นานขึ้น ต้องอ่านบทความนี้ เพราะนี่คือ 10 วิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ iPhone 13 จนใช้ได้นานขึ้นกว่าเดิมค่ะ! 1. อัพเดตเป็น iOS 15 คุณควรอัพเดต iPhone 13 ทันทีที่ทำได้ เพราะซอฟต์แวร์ตัวใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบจะเซฟพลังงาน ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น ตั้งค่าตามนี้เลย เปิด Settings >> กดที่ General >> กดที่ Software update >> หากว่ามีอัพเดต ก็กดที่ Download and Install ได้เลย 2. จัดการ Background App Refresh Background App Refresh คือฟีเจอร์ที่จะช่วยให้คุณควบคุมการทำงานของแอพต่าง ๆ ให้ทำงาน background ต่อเนื่องและคอยอัพเดตเนื้อหาใหม่ ๆ เข้ามาแม้ไม่ได้เปิดเข้าใช้งานแอพอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกแอพจะต้องใช้งานฟีเจอร์นี้ ดังนั้นการตั้งค่าและจัดการฟีเจอร์นี้ก็ช่วยประหยัดแบตได้ วิธีตั้งค่า เปิด Settings >> กดที่ General >> เลือกที่ Background App Refresh >> เลื่อนปุ่มเปิดปิดที่อยู่ท้ายแอพ หากต้องการเปิดให้เลื่อนจนเป็นสีเขีย แต่ถ้าปิดก็เลื่อนไปอีกทาง 3. ปรับความสว่างหน้าจอ เป็นที่รู้กันดีกว่าหน้าจอ iPhone 13 มีประสิทธิภาพดีที่สุดในบรรดามือถือด้วยกัน ทั้งมีขนาดใหญ่และทรงพลัง แต่แลกกันมันก็กินแบตมาก ๆ ด้วย ดังนั้นคุณจึงควรตั้งค่า ลดความสว่างหน้าจอลงเพื่อให้ประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ นอกจากนี้ก็ควรปิด True Tone ด้วย วิธีตั้งค่า เปิด Settings >> เลือก Display & Brightness แล้วปรับความสว่างที่ต้องการได้เลย >> ตามด้วยเลื่อนปิด True Tone เพื่อประหยัดแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น 4.
ปิด 5G ถ้าหากยังไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อเครือข่าย 5G การปิดใช้งานและเลือกใช้ 4G LTE แทน จะช่วยประหยัดแบตได้อีกวิธีหนึ่ง ซึ่งบน iPhone 13 จะมีฟังก์ชันการเปิดใช้งาน 5G ทั้งแบบการเปิดตลอดเวลา หรือเปิดอัตโนมัติตามคอนเทนต์ที่ใช้ แต่ถ้าหากไม่ใช้เลย ก็สามารถปิดใช้งาน 5G ได้ที่ Settings > Cellular > Cellular Data Options > Voice & Data > เลือก 4G LTE 7. จัดการการตั้งค่า iCloud แอปฯ ที่มีการเชื่อมต่อกับ iCloud จะทำการอัปโหลดคอนเทนต์ใหม่ลง iCloud อัตโนมัติเพื่อให้สามารถใช้งานบนอุปกรณ์อื่นได้ ซึ่งปกติแล้วจะสิ้นเปลืองพลังงานแบตเตอรี่เล็กน้อย แต่ในกรณีที่ไม่ต้องการให้แอปฯ ดังกล่าวใช้ iCloud ก็สามารถปิดใช้งานได้ ด้วยการเข้าไปที่ Settings > แตะที่ Apple ID > iCloud และเลือกเฉพาะแอปฯ ที่จำเป็นต้องใช้บริการ iCloud เท่านั้น 8. ปรับความสว่างหน้าจอ การปรับตั้งค่าความสว่างหน้าจอให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ที่ใช้งาน จะช่วยประหยัดแบตได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งสามารถปรับได้เลยผ่านทาง Control Center หรือเลือกปิด True Tone ด้วยการเข้าไปที่ Settings > Display & Brightness > ปิด True Tone ส่วน iPhone 13 Pro กับ iPhone 13 Pro Max สามารถเลือกปิดการแสดงผลแบบ ProMotion ได้ที่ Settings > Accessibility > Motion > Limit Time Frame 9.
ปิดการใช้งาน Handoff ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่บน iOS 8 ที่จะช่วยให้เราสามารถทำงานต่าง ๆ จากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งได้ภายใต้ iCloud เดียวกัน ถ้าไม่ได้ใช้ฟีเจอร์นี้แนะนำให้ปิดการใช้งาน ( อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Handoff) วิธีการปิด Handoff เมนูภาษาอังกฤษ: Settings > General > Handoff & Suggested Apps > Handoff > Off เมนูภาษาไทย: การตั้งค่า > ทั่วไป > แอป Handoff และแอปที่แนะนำ 4. ปิดการใช้งาน SUGGESTED APPS ฟีเจอร์นี้จะเป็นการแนะนำสถานที่ใกล้เคียงกับสถานที่ ๆ เราอยู่ และจะแนะนำแอพที่เกี่ยวข้องมาให้ เช่น เราไปเดินเที่ยวที่โลตัส ตัวเครื่องก็จะแนะนำแอพ Lotus เพื่อให้โหลดใช้งานแบบนี้เป็นต้นครับ ซึ่งจะต้องใช้ GPS ของตัวเครื่องซึ่งจะทำให้เปลืองแบตเตอร์รี่มากขึ้น ( อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SUGGESTED APPS ได้จาก 50 เทคนิคการใช้งาน iOS 8 ที่ควรรู้ ข้อ 6) วิธีการปิด SUGGESTED APPS เมนูภาษาอังกฤษ: Settings > General > Handoff & Suggested Apps > My Apps > Off, App Store > Off เมนูภาษาไทย: การตั้งค่า > ทั่วไป > แอป Handoff และแอปที่แนะนำ แอพของฉัน > ปิด, App Store > ปิด 5. ปิดใช้งาน Zooming and Motion เป็นการปิดการใช้งาน Effect ของตัวเครื่องสังเกตได้ว่าเวลาตอนใช้งานลักษณะเมนูจะซูมเข้าและออกซึ่งจะทำให้ตัวเครื่องมีการประมวลผลมากขึ้นทำให้ใช้แบตเตอร์รี่มากขึ้น ถ้าปิดความสวยงามอาจจะลดน้อยลงแต่จะช่วยให้ลดช่วยลดการใช้พลังงานของแบตเตอร์รี่ได้ วิธีปิด Reduce Motion เมนูภาษาอังกฤษ: Settings > General > Accessibility > Reduce Motion > ON เมนูภาษาไทย: การตั้งค่า > ทั่วไป > การช่วยการเข้าถึง > ลดการเคลื่อนไหว > เปิด 6.
เปิด Lower Power Mode ฟีเจอร์นี้เป็นหนึ่งในฟีเจอร์เด็ดของ iOS 9 ซึ่งแอปเปิลได้บอกว่าถ้าเปิดใช้โหมดประหยัดพลังงานนี้แล้ว จะช่วยยืดแบตเตอรี่ของไอโฟนขึ้นอีก 1 ชั่วโมง เมื่อเปิดโหมดนี้ ระบบจะทำการปิด Mail Fetch, Background app refresh, การดาวน์โหลดแอพหรืออัพเดทอัตโนมัติต่าง ๆ รวมถึงลด Effect ที่มันหวือหวาให้น้อยลง เราสามารถเปิดโหมด Lower Power Mode ได้ที่ Settings > General > Battery > Lower Power Mode โดยสามารถเปิดโหมดนี้ได้ตั้งแต่แบตยัง 100% เลยก็ได้ หรือถ้าเราใช้งานจนแบตเหลือ 20% แล้วไอโฟนก็จะเด้งเตือน และแนะนำให้เปิดโหมดประหยัดพลังงานนี้ 3. [อุปกรณ์ Huawei] จะปรับปรุงความแม่นยำของตำแหน่งได้อย่างไร เที่ยว ญี่ปุ่น ออ น เซ็น Mix & Match ธีมงานโทนสีแดงอย่างไรให้ไม่หลุดธีม | MANITAWEDDING ให้เช่าบ้านทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียว หมู่บ้านไทยสมบูรณ์ ประชาอุทิศ90 ทรง ผม คน หน้า ไข่ ปิด Bluetooth ไอโฟนรุ่นเก่า ๆ เช่น iPhone 4 ยังเป็น Bluetooth รุ่นเก่าอยู่ ซึ่งเมื่อเปิดทิ้งไว้ ก็จะทำให้เปลืองแบตเตอรี่เช่นกัน แต่ไอโฟนรุ่นใหม่ ๆ จะมาพร้อม Bluetooth 4. 0 LE (Low Energy) หรือบลูทูธที่ใช้พลังงานต่ำ สามารถเปิดใช้งานได้ตลอดเวลา และไม่ต้องห่วงว่าจะเปลืองแบต เพราะกินไฟน้อยมาก อย่างไรก็ตาม ถ้าใครไม่ได้ใช้บลูทูธ เชื่อมต่อหูฟัง ลำโพงหรือ Apple Watch ก็แนะนำให้ปิดซะ เพื่อประหยัดแบตให้ได้เยอะที่สุด โดยให้ เลื่อน Control Center ขึ้นและกดปิดบลูทูธ หรือไม่ก็ให้เข้าไปที่ Settings > Bluetooth ก็ได้ 5.
หลวงปู่คำบุรุ่นแรก เช็คราคาล่าสุด ราคาถูก ราคาปัจจุบัน พัดลม ระบาย ความ ร้อน ใน รถยนต์ Honkai impact 3 ขาย id card ปิด Background App Refresh เป็นการทำงานเบื้องหลังแม้ว่าเราจะปิดแอฟไปแล้ว แนะนำว่าให้เลือกปิดแอปที่ไม่ค่อยได้ใช้และเลือกเปิดเฉพาะแอปที่ต้องการให้อัปเดตเท่านั้น เช่น Facebook, Line, [email protected], อีเมล เพราะ Background App Refresh ใช้ หน่วยความจำและแบตเตอรี่ค่อนข้างเยอะ ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > ดึงข้อมูลใหม่ให้แอปอยู่เบื้องหลัง (Background App Refresh) > เลือกปิดแอปที่ไม่ต้องการให้มีการทำงานเบื้องหลัง 3. ปิด 4G เมื่อใช้ Wi-Fi การเลือกปิด 4G เมื่อใช้ Wi-Fi จะทำให้ประหยัด แบตเตอรี่มากขึ้น โดยการเปิด Control Center > แตะปิดไอคอน Cellular 4. ปิด Wi-Fi, Bluetooth และ Air Drop หากไม่ใช้การเชื่อมต่อใดๆ ใน Control Center เช่น Wi-Fi, Bluetooth หรือ AirDrop ก็ควรปิดฟีเจอร์เหล่านี้ไว้ เพื่อไม่ให้มีการใช้งานพลังแบตเตอรี่โดยเปล่าประโยชน์ เปิด Control Center แตะในส่วนการเชื่อมต่อ > ปิดไอคอน Wi-Fi, Bluetooth และ AirDrop 5. ปรับลดความสว่างของ Flash Light (ไฟฉาย) เปิดไพฉายเมื่อยามจำเป็นเท่านั้น และการปรับลดระดับความสว่างของไฟฉายลงจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ วิธีตั้งค่า เปิด Control Center > แตะค้างที่ไอคอนไฟฉาย > เลื่อนระดับความสว่างลง 6.
ปิด Share My Location ฟีเจอร์นี้เป็นการแชร์ตำแหน่งที่ตั้งของเราในข้อความให้เพื่อนหรือครอบครัว และแอพ Find my Friend วิธีปิด Share My Location เมนูภาษาอังกฤษ: Settings > Privacy > Location Services > Share My Location > OFF เมนูภาษาไทย: การตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัว > บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง > แชร์ตำแหน่งของฉัน >แชร์ตำแหน่งของฉัน > ปิด 3. ปิด Animation บนหน้า Home Screen ให้หวือหวาน้อยลง อนิเมชันบนหน้า Home Screen บนไอโฟนหรือไอแพด ที่มีตั้งแต่ iOS 7 เช่น Parallax effect ที่เมื่อทำการเอียงเครื่อง ไอคอนก็จะเอียงตาม ทำให้ดูเหมือนไอคอนมันลอยขึ้นมาจาก Wallpaper หรือว่าจะเป็น Zoom effect เมื่อเรากดเข้าโฟลเดอร์อะไร มันก็จะค่อย ๆ ใหญ่ขึ้น ซึ่ง Effect พวกนี้ทำให้ใช้พลังงานเหมือนกัน เราสามารถเข้าไปปิดได้ที่ Settings > General > Accessibility > Reduce Motion นอกจากนี้ให้เข้าไปลดกราฟฟิกลงโดยการให้เข้าไปที่ Settings > General > Accessibility > Increase Contrast > Reduce Transparency 8. ปิด Automatic Download แอพจาก App Store ตั้งแต่ iOS 7 ฟีเจอร์ดาวน์โหลดและอัพเดตแอพ เพลง หรือหนังสือโดยอัตโนมัติ ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สะดวกมาก เพราะเราไม่ต้องมานั่งกด Update เองตลอดเวลา แต่การสั่งให้อัพเดตหรือโหลดแอพอัตโนมัติ ก็ทำให้เปลืองแบตเช่นกัน ถ้าใครไม่ต้องการให้โหลดหรืออัพเดตอัตโนมัติก็ให้เข้าไปปิดได้ โดยเข้าไปที่ Settings > App and iTunes Stores > Automatic Downloads ให้เราทำการปิดตัวที่เราไม่ได้ใช้ หรือบางคนก็สามารถปิดหมดเลยก็ได้ 9.
เปิดการใช้งาน Wi-Fi Assist การเปิดใช้งานฟีเจอร์ Wi-Fi Assist จะช่วยตั้งค่า iPhone ของเรา ให้สลับไปใช้งาน Cellular โดยอัตโนมัติ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ Wi-Fi อ่อน หรืออยู่ในที่อับสัญญาณ ซึ่งถ้าหากไม่เปิดการใช้งานฟีเจอร์นี้ อุปกรณ์จะทำการเชื่อมต่อกับ Wi-Fi อยู่เรื่อยๆ ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองแบตเตอรี่เป็นอย่างมาก การตั้งค่า ไปที่ Setting (การตั้งค่า) > Cellular (เซลลูลาร์) > เลื่อนลงมาด้านล่างไปเรื่อยๆ จะพบกับ Wi-Fi Assist จากนั้นแตะเพื่อเปิดการใช้งาน 5. เปิดการใช้งาน Low Power Mode เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ Low Power Mode หรือโหมดประหยัดพลังงาน ตัวอุปกรณ์จะทำการปิดการทำงานของฟีเจอร์บางอย่างที่ไม่จำเป็น และกำลังทำงานอยู่เบื้องหลัง เช่น การดาวน์โหลดและดึงข้อมูลอีเมล ซึ่งจะกลับมาเปิดใช้งานเมื่อทำการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม จึงช่วยประหยัดแบต iPhone ของเราได้เป็นอย่างดี การตั้งค่า ไปที่ Setting (การตั้งค่า) > Battery (แบตเตอรี่) > Low Power Mode (โหมดประหยัดพลังงาน) จากนั้นทำการแตะเพิ่อเปิด/ปิด การใช้งานได้ทันที 6.
ใช้ Dark Mode Dark Mode ที่มีมาตั้งแต่ iOS 13 จะช่วยประหยัดพลังงานของคุณได้ แถมยังดูเท่ไปอีกแบบด้วย วิธีตั้งค่า เปิด Settings >> เลื่อนลงมาด้านล่างแล้วกดที่ Display & Brightness >> กดเลือกที่ Dark Mode ทั้ง 10 วิธีนี้จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ iPhone 13 ได้ ทำให้ใช้งานได้นานขึ้นแน่นอนค่ะ ง่ายขนาดนี้ต้องทำตามแล้ว ที่มา