corporatepaperwork.com
จากค่าแล็บทั้งสองค่านี้ก็พอจะใช้ตีความหมายการติดเชื้อโรคนี้ได้แล้ว ซึ่งมักจะเป็นแบบใดแบบหนึ่งในสี่แบบ กล่าวคือ ถ้า HBsAg ได้ผลลบ และ HBsAb ก็ได้ผลลบ หมายความว่าไม่มีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกาย และไม่มีภูมิคุ้มกันด้วย คือยังบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยติดเชื้อ กรณีเช่นนี้ก็ควรจะรีบๆฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี. ป้องกันเสีย เพราะคนไทยตายด้วยมะเร็งเป็นเหตุอันดับหนึ่ง และมะเร็งตับก็เป็นท็อปของมะเร็งคนไทย และ 80% ของมะเร็งตับเกิดจากไวรัสตับอักเสบบี.
การตรวจหาแอนติเจนบอดี ( ภูมิคุ้มกัน)ต่อ เอดส์ หรือ เอชไอวี (HIV) (Anti-เอดส์ หรือ เอชไอวี (HIV) antibody) 1. 1 ELISA: เป็นการ "ตรวจคัดกรอง" (screening test) ที่นิยมใช้กันแพร่หลาย ทำได้ง่าย ไม่แพง มีความไวมาก ความแม่นยำเกือบร้อยเปอร์เซ ็นต์ ถ้าตรวจแล้วให้ผลบวกสองครั้ ง จากน้ำยาของต่างบริษัท ก็ค่อนข้างมั่นใจได้ 1. 2 Western blot assay: เป็นการ "ตรวจยืนยัน" การติดเชื้อ เอดส์ หรือ เอชไอวี (HIV) ที่นิยมมากที่สุด เพราะมีความไว และความแม่นยำสูงกว่าวิธี ELISA แต่ราคาแพงกว่า ใช้เวลามากกว่า ทำยากกว่า 1. 3 Indirect immunofluorescent assay (IFA): คล้าย Western blot มีความไวและความแม่นยำพอๆกั น 1. 4 Radioimmunoprecipitation assay (RIPA):ให้ผลไวกว่า Western blot แต่ทำยากมักใช้ในงานวิจัยเท ่านั้น 2. การตรวจหาแอนติเจน(ตัวเชื้อ) ส่วนใหญ่จะเป็นการตรวจหา p24 antigen ในเลือดด้วยวิธี ELISA สามารถตรวจหาตัวเชื้อ ในช่วงที่แอนติเจนบอดี ( ภูมิคุ้มกัน)ยังไม่ขึ้น ( window period) แต่ก็มีข้อเสียคือความไวยัง น้อย (คือตรวจไม่ค่อยพบ) 3. การเพาะเชื้อไวรัส ทำยาก ราคาแพง ความไวน้อย แต่ถ้าให้ผลบวก ก็ถือว่าแม่นยำที่สุด 4.
แต่ละวิธีมีความแตกต่างกันอย่างไร?
เผยแพร่: 11 ก. ย. 2558 11:44 โดย: อ. ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ ดร.
55% หากมีคนเข้ามาตรวจโรคเอดส์โดยใช้การตรวจจากเยื่อบุกระพุ้งแก้มและได้ผลเป็นบวก เราไม่ควรจะต้องรีบตกใจมากนักเพราะผลบวกดังกล่าวเป็นความน่าจะเป็นที่ผลตรวจจะเป็นบวกเมื่อเป็นเอดส์ ซึ่งไม่น่าสนใจเท่าความน่าจะเป็นที่จะเป็นเอดส์เมื่อผลเลือดเป็นบวก ในกรณนี้เรามาลองคำนวณค่าทำนายผลบวก (Positive Predictive Value: PPV) หรือความน่าจะเป็นที่คนๆ หนึ่งจะเป็นโรคเอดส์เมื่อมีผลเลือดเป็นบวก มีค่าเท่ากับ หรือเพียง 64. 76% เท่านั้น แต่ถ้าเราทราบว่าคนที่เข้ามาตรวจโรคเอดส์โดยการตรวจจากเยื่อบุกระพุ้งแก้มและมีผลเลือดเป็นบวกนั้นเป็นชายรักร่วมเพศในกรุงเทพมหานครซึ่งมีความชุกของการเป็นโรคเอดส์ของชายรักร่วมเพศในกรุงเทพมหานครนั้นสูงมากคือร้อยละ 30 ค่าทำนายผลบวก (Positive Predictive Value: PPV) หรือความน่าจะเป็นที่ชายรักร่วมเพศจากกรุงเทพมหานครจะเป็นโรคเอดส์เมื่อมีผลเลือดเป็นบวก มีค่าเท่ากับ ซึ่งจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 99.
การตรวจหา DNA ของไวรัส วิธีนี้คือการหาโดยอาศัยการ เพิ่มปริมาณ DNA เรียกว่า PCR (Polymerase chain reaction) ตรวจได้แม้จะมีปริมาณ DNA เพียงน้อยนิด (มีความไวสูง) ถือเป็นวิธีการ "ตรวจยืนยัน" ที่แน่นอนที่สุด การตรวจเลือดมีขั้นตอนอย่าง ไร ปกติเมื่อไปตรวจเลือดเอดส์ เขาก็จะตรวจแบบ "ตรวจขั้นต้น" หรือที่เรียก " ตรวจคัดกรอง " ใช้วิธี ELISA โดยตรวจแอนติเจนบอดี ( ภูมิคุ้มกัน) ถ้าให้ ผลบวก ก็จะตรวจยืนยันโดยวิธี western blot assay จึงจะบอกได้ว่า "เลือดเอดส์ให้ผลบวก" การตรวจคัดกรองใช้เวลาประมา ณ 30 นาที – 2 ชม. แต่ถ้าตรวจยืนยันด้วยวิธ ี western blot ก็แล้วแต่สถานที่ บางแห่ง 7 วันก็รู้ผล บางแห่ง ก็นัดเป็นเดือนก็มี เลือดบวก แปลว่าอะไร ผลบวก หมายถึงว่า "มี" หรือ "พบเชื้อ" หรือ "พบร่องรอยการติดเชื้อ" ถ้าผลเลือดบวกเอดส์ ก็แปลว่า เคยได้รับเชื้อโรคเอดส์ มาแล้วแต่ไม่ได้หมายความว่า กำลังเป็น โรคเอดส์ (ที่แสดงอาการแล้ว) ในขณะนั้น ผลบวกปลอม พบได้ แต่น้อยมาก ซึ่งอาจพบจากแอนติเจนบอดี( ภูมิคุ้มกัน)ต่อกล้ามเนื้อเรียบ ต่อไวรัสชนิดอื่น ผลลบปลอมมีไหม?
การติดเชื้อ เอดส์ หรือ เอชไอวี (HIV) เริ่มด้วย การรับเชื้อปริมาณที่พอเพีย งเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง คือ 1. เชื้อเข้ากระแสเลือดโดยตรง เช่น การฉีดยาเข้าเส้นเลือดโดยใช ้เข็มร่วมกัน อุบัติเหตุเข็มตำ การรับเลือดที่ปนเปื้อนเชื้ อ 2. เชื้อเข้าสู่ร่างกายทางผิวห นังที่มีรอยฉีกขาดหรือแผลเป ิดหรือเยื่อบุช่องปาก ช่องทวาร อวัยวะเพศ โดยเชื้อปนเปื้อนกับของเหลว จากร่างกาย เช่น การมีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ต ิดเชื้อ บุคลากรสัมผัสกับน้ำคัดหลั่ งที่มีเชื้อของผู้ป่วย 3.
สามารถเข้ารับการรักษาได้ ทันที ไม่ต้องรอให้แสดงอาการ 2. ได้รับการรักษา จะทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรง สามารถทำงานได้อย่างปกติ 3. สามารถวางแผนป้องกันคู่ขอ งตนเองติดเชื้อ และชวนคู่ไปตรวจเลือดได้ 4. สามารถวางแผนป้องกันการติ ดเชื้อไปสู่ลูกได้ 5. สามารถป้องกันตนเองไม่ให้ ติดเชื้อเอชไอวีได้ 6.
แอนติบอดีต่อเม็ดเลือดแดง (Coombs test, Antiglobulin test) ชื่อสารที่ใช้ทดสอบนี้ (Coombs reagent) ตั้งตามชื่อนักภูมิคุ้มกันวิทยาชาวอังกฤษ คือ โรบิน คุ้ม (Robin Coombs) หนึ่งในทีมผู้คิดค้นการทดสอบนี้ตั้งแต่ปีค. ศ.
กระทู้คำถาม เลือดบวกจำเป็นจะต้องเป็น HIV อย่างเดียวหรือไม่???? สามารถเป็นโรคอื่นนอกจากนี้ได้หรือไม่ค่ะ ขอคำตอบจากผู้ที่มีความรู้ทางด้านนี้ด้วยนคะ ขอบคุณค่ะ 0 แสดงความคิดเห็น คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ กระทู้ที่คุณอาจสนใจ