corporatepaperwork.com
ให้การปฐมพยาบาลอื่นๆ โดยคนไข้อยู่ในท่าหลังตรงตลอดเวลา 3. ส่งคนไข้ไปโรงพยาบาลในท่าหลังตรง เพื่อเอกซเรย์กระดูกสันหลัง และ/หรือตรวจว่าอาการปวดหลังเกิดจากสาเหตุอะไร คนไข้ปวดหลังที่เจ็บหนักและฉุกเฉินโดยไม่ได้เกิดจากสาเหตุที่บริเวณกระดูกสันหลังและไขสันหลังอาจจะเกิดจากสาเหตุ เช่น 1. กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (acute myocardial infarction) ซึ่งผู้ป่วยมักจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก เหงื่อแตก เหนื่อยหอบและอื่นๆร่วมด้วย (ดูเรื่องเจ็บอกในมาเป็นหมอกันเถิดในหมอชาวบ้านฉบับที่ 92-97 และเรื่องโรคหลอดเลือดหัวใจตีบในหมอชาวบ้านฉบับที่ 46) 2. หลอดเลือดแดงใหญ่กลางอกหรือกลางท้องปริแยกหรือแตก (aortic dissection or rupture of aortic aneurysm) ซึ่งคนไข้มักจะมีความดันเลือดสูง มีอาการเจ็บรุนแรงทันทีทันใด มีอาการช็อก (หน้าซีด มือเท้าซีดเย็น เหงื่อแตก เหนื่อยหอบ) หรืออื่นๆร่วมด้วย 3. ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (acute pancreatitis) ซึ่งคนไข้จะมีอาการท้องอืด ปวดท้อง มีประวัติดื่มสุราเรื้อรัง หรือประวัติตัวเหลืองตาเหลืองและโรคนิ่วในถุงน้ำดี หรือทางเดินน้ำดีมาก่อน 4. แผลกระเพาะลำไส้ทะลุ (perforated duodenal nlcer) ซึ่งคนไข้จะมีอาการท้องอืด ปวดท้อง มีประวัติเป็นโรคกระเพาะมาก่อน และเคาะไม่พบเสียงทึบจากตับ (ดูเรื่องการตรวจทรวงอกและท้อง ในมาเป็นหมอกันเถิด ในหมอชาวบ้าน ฉบับที่ 35-51) 5.
บริเวณแผ่นหลังด้านล่าง ถึงบริเวณก้นกบ: แนวเส้นกลางกระดูกสันหลัง 2. บริเวณแผ่นหลังด้านล่าง: แนวเส้นด้านในทั้งสองข้าง 3. บริเวณแผ่นหลังด้านล่าง: แนวเส้นด้านนอกทั้งสองข้าง 4. บริเวณเนื้อด้านบนริมฝีปาก 5. บริเวณน่องขาด้านหลัง: ทั้งสองข้าง 6. บริเวณหลังมือ (ตรงนิ้วก้อย): ทั้งสองข้าง
ได้รับอุบัติเหตุ เช่น ตกจากที่สูง ถูกของหนักๆหล่นมากระแทกศีรษะ หรือกลางหลัง 2. ถูกทำร้าย เช่น ถูกตีหัวหรือตีกลางหลังอย่างแรง ถูกแทง ถูกยิงบริเวณหลัง 3. มีไข้สูง มีอาการปวดหลังเฉพาะที่ (เฉพาะจุดหนึ่งจุดใดบนแนวกระดูกสันหลัง) มีอาการปัสสาวะและ/หรืออุจจาระไม่ได้ หรือกลั้นอุจจาระปัสสาวะไม่ได้ มีอาการขาข้างเดียวหรือสองข้างอ่อนแรงหรือเป็นอัมพาต และ/หรือมีอาการเจ็บหนักอื่นๆ (ดูเรื่อง คนไข้เจ็บหนัก ในมาเป็นหมอกันเถิด ในหมอชาวบ้าน ฉบับที่ 64-65) คนไข้ที่ปวดหลังแบบฉุกเฉินและเจ็บหนัก ต้องให้การตรวจรักษาดังนี้ 1.
ปวดหลังจากไตอักเสบ หรืออาจมีนิ่วที่ไต มักจะมีไข้ ปวดเอว ปัสสาวะอาจมีแสบ ขัด ขุ่น ถ้าเคาะเบาๆ ที่เอวด้านที่ปวดจะเจ็บมากจนสะดุ้ง 2. ปวดหลังจากกระดูกสันหลัง หรือหมอนรองกระดูกสันหลังที่เอวเคลื่อนกดทับเส้นประสาท มักพบในคนเลยวัยกลางคนแล้ว คนที่ต้องแบกของหนักเสมอ หรือผู้ที่เคยประสบอุบัติเหตุที่บริเวณหลัง บางรายเท้าจะอ่อนแรง ยกปลายเท้าไม่ขึ้น อาการอาจค่อยเป็นค่อยไป บางรายก้มยกของหนัก แล้วหมอนรองกระดูกก็เคลื่อนออกมากดทับเส้นประสาท ทำให้ปวดกะทันหันก็มี 3.
ที่กระดูกและไขสันหลังและระบบประสาท 2. ที่กล้ามเนื้อ 3. ที่อื่นๆ ซึ่งจะแยกได้โดยอาศัยอาการและการตรวจร่างกายอย่างง่ายๆดังในตารางที่ 1
ผมเป็นงี้มาครั่งที่สองแล้วครับตอนแรกหายไปแล้วก็กลับมาเป็นอีก มันเหมือนจะหิวตลอด เราเองก็กินข้าวครบทุกมื้อ แต่ก็ปวดไม่มาก เหมือนจะไม่ใช่โรคกระเพาะเพราะผมเคยเป็นมาก่อนตอนกินข้าวจะแสบท้อง ผมอยากไปฟาหมอแต่ก็ลังเลเหมือนกันเพราะช่วงนี้โควิดด้วย ถ้าผมเป็นอะไรจริงๆผมก็จะไปหาหมอ แสดงความคิดเห็น
สวัสดีค่ะ คุณ Ohm Tanapat, อาการปวดท้อง หากปวดแบบร้าวไปที่หลังดังกล่าว อาจเกิดจาก 1. โรคกระเพาะอาหารอักเสบ กระเพาะอาหารเป็นแผล ซึ่งจะรู้ สึกปวดบริเวณท้องส่วนบน อาจเป็นบริเวณลิ้นปี่ลงไปถึงเหนือสะดือหรือปวดค่อนไปทางด้านซ้าย อาจปวดแบบจุกแน่น หรือแสบร้อน และปวดร้าวทะลุไปหลังได้ นอกจากนี้อาจมีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย อิ่มเร็ว เรอบ่อย คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น 2. โรคกรดไหลย้อน อ าการจะคล้ายๆ กับกระเพาะอาหารอักเสบ คือปวดแสบร้อนหรือจุกบริเวณลิ้นปี่และหน้าอก อาหารไม่ย่อย เรอบ่อย มีน้ำรสเปรี้ยวหรือขมในคอ หรือเจ็บคอ ระคายเคืองคอตลอดเวลา คลื่นไส้หลังรับประทานอาหาร เป็นต้น 3.
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ 8. มะเร็งสมอง อาการปวดศีรษะนาน ๆ มักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็น อัมพาตชั่วคราวควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มี อาการ เหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย 9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา เป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือ เป็นเวลานานน 10. มะเร็งในลำคอ อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก มีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้ 11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือด ท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้อง รู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ 12. มะเร็ง ทรวงอก อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนาขึ้น มีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้ บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อพื้นที่ทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียก ว่า ซีสต์ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกัน แน 13.
เคยมีประวัติเอกซเรย์ว่าหัวใจโตนิดหน่อยค่ะ อันตรายมั้ยค้ะ November 11, 2019 15:54 เจ็บตรงกลางอก ปวดร้าวไปยันข้างหลัง กดก็ไม่เจ็บ จะลุกจะนั่งจะนอนก็เจ็บ เป็นมา2เดือนแล้ว หาหมอก็ไม่เจออะไร กินยาแก้ปวดก็หายเป็นพักๆทรมารมากค่ะช้วยป้าที50แล้ว December 20, 2019 05:40 สวัสดีครับ ผมอยู่ๆก็มีอาการเจ็บหน้าอก เหมือนว่ามันจะจุก หายใจเข้ารูสึกเจ็บ และเจ็บตรงระหว่างกลางหลังด้วย มีอาการปวดมาถึงท้ายทอยครับ ผมเป็นอะไรครับ February 20, 2020 11:57 คุนหมอคะถ้าอาการปวดหลังแล้วเจ็บหน้าอกด้วยจะเป็นอะไนคะ March 12, 2020 23:14 แน่นหน้าอกแล้วปวดหลังเป็นโรคเกี่ยวกับอะไรค่ะ April 26, 2020 10:46 หายใจเข้าแล้วกลั้นหายใจ. รู้สึกเซียดหน้าอกและเจ็บไปถึงข้างหลังด้านซ้ายเป็นอะไรคับหมอ May 17, 2020 09:22 เป็นกรดไหลยัอนคะ ทานยาอยู่ แต่รู้สึกแน่นท้อง หน้าอกและปวดหลังข้างซ้ายมากคะ เพราะอะไรคะ ต้องทำอย่างไรถึงจะหายคะ May 18, 2020 08:28 ตอนนี้รู้แน่นหน้าอกและปวดหบังข้างซ้ายค่ะลักษณะอย่างนี้เป็นอากานของอะไรค่ะ May 18, 2020 08:29 ตอนนี้รู้แน่นหน้าอกและปวดหบังข้างซ้ายค่ะลักษณะอย่างนี้เป็นอากานของอะไรค่ะ
งดอาหารเค็ม เนื่องจากโซเดียมจากอาหารที่มีรสเค็มนั้นเป็นการช่วยกระตุ้นให้เกิดอาการบวมน้ำได้เร็วยิ่งขึ้น 2. งดอาหารที่ปริมาณน้ำตาล หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในช่วงของการมีรอบเดือน 3. ดื่มน้ำเป็นประจำวันละ 6-8 แก้วเพื่อให้น้ำเข้าไปช่วยเจือจางและขับโซเดี่ยมส่วนเกินในร่างกายของเราออกมา 4. ลดอาหารมันๆ หรืออาหารที่มีปริมาณแก๊สสูง เช่น บล็อคเคอรี่ กระหล่ำปลี หน่อฝรั่งและถั่ว เป็นต้น 5. รับประทานผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง อย่างเช่น แก้วมมังกร กล้วยหอม กีวี และส้ม เป็นต้น 6. รับประทานน้ำผึ้งผสมมะนาวและน้ำอุ่น จะช่วยบรรเทาการปวดประจำเดือนและยังช่วยเรื่องท้องอืดได้เช่นกัน ขอบคุณที่มา รายการ Did you know?