corporatepaperwork.com
ตรวจวัดสายตา (Auto-refraction) โดยส่วนใหญ่จะเป็นการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ยิงแสงอินฟราเรดเข้าสู่ดวงตา เพื่อสะท้อนกลับมาเป็นค่าสายตาของแต่ละคน เครื่องนี้จะคล้ายกับเครื่องตามร้านแว่นซึ่งสามารถบอกได้ทั้งสายตาสั้นและยาว 6. ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count: CBC) เม็ดเลือดแดงมีความสำคัญต่อการนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงเม็ดเลือดขาวก็มีบทบาทสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดจึงมีผลต่อร่างกายโดยรวมด้วย 7. ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (Fasting blood sugar) การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดนี้อาจเป็นสิ่งที่หลายๆ คนกลัว เพราะจะเป็นการตรวจระดับน้ำตาลในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา (Hemoglobin A1c) หากกินของหวานเยอะ เข้าคาเฟ่บ่อย และไม่ค่อยออกกำลังกาย น้ำตาลก็จะไปเกาะตามเม็ดเลือด ทำให้มีระดับน้ำตาลสูง โดยปริมาณปกติสำหรับคนที่ไม่เป็นเบาหวานควรจะอยู่ที่ 5. 7 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น 8. ตรวจไขมันในเลือด(Cholesterol) ไขมันในเลือดที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด คือ ไขมันดี (HDL) เป็นไขมันที่คอยกำจัดไขมัน LDL ซึ่งเป็นอันตรายออกจากร่างกาย ช่วยรักษาสมดุลในกระแสเลือด ไม่ให้ไขมันสะสมมากไป ไขมันไม่ดี (LDL) เป็นไขมันที่อันตรายต่อร่างกาย มันจะคอยไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้น้อยลง ไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglyceride) เป็นไขมันที่สะสมตามเนื้เยื่อไขมันต่างๆ ในร่างกาย เป็นสาเหตุทำให้อ้วนขึ้นอีกด้วย หากมีปริมาณมากเกินไปจะเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง 9.
การตรวจร่างกายระบบการหายใจ (Respiratory System) ทรวงอกและปอด (Thorax and Lungs) การดู ควรสังเกตสิ่งต่อไปนี้ รูปร่างลักษณะทรวงอก ปกติจะมีรูปร่างกลมแบน anteroposterior diameter: Lateral diameter มีค่าประมาณ 1:2 หรือ 5:7 ในทารก รูปร่างทรวงอกที่ผิดปกติและมักพบบ่อยๆ ได้แก่ a.
การตรวจมะเร็งเต้านม ผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 20-40 ปี ควรมีการตรวจเต้านมด้วยตนเองเดือนละ 1 ครั้ง และผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งเต้านม ควรได้รับการตรวจเต้านมด้วยแมมโมแกรม (Mammogram) อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งก่อนช่วงอายุที่บุคคลในครอบครัวตรวจพบโรคนี้ ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงของโรคมะเร็งในปัจจัยอื่น ๆ อาจเข้ารับการตรวจเต้านมด้วยวิธีอัลตร้าซาวด์ (Breast Ultrasound) หรือ เอ็มอาร์ไอ (MRI Scan) เพิ่มเติม ส่วนผู้หญิงทั่วไปควรตรวจอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง ไปจนอายุ 70 ปี 10. การตรวจภายในและการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีแปปสเมียร์ ผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 21 ปี ควรมีการตรวจเป็นประจำทุก 3 ปี เพื่อตรวจคัดกรอง โรคมะเร็งปากมดลูก หากผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ผลการตรวจออกมาเป็นปกติ ควรตรวจทุก 5 ปี แต่ในรายที่เข้ารับการผ่าตัดมดลูกหรือปีกมดลูกออกก็อาจไม่มีความจำเป็นในการตรวจ นอกจากนี้ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนอายุ 25 ปี ควรเข้ารับการตรวจเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองในแท้และหนองในเทียม 11.
หมวดหมู่ของบทความนี้จะเกี่ยวกับการ ตรวจ ร่างกาย ทุก ระบบ หากคุณกำลังมองหาเกี่ยวกับการ ตรวจ ร่างกาย ทุก ระบบมาเรียนรู้เกี่ยวกับหัวข้อการ ตรวจ ร่างกาย ทุก ระบบในโพสต์การตรวจร่างกายเบื้องต้น (Physical examination)นี้. เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการ ตรวจ ร่างกาย ทุก ระบบที่มีรายละเอียดมากที่สุดในการตรวจร่างกายเบื้องต้น (Physical examination) ชมวิดีโอด้านล่างเลย ที่เว็บไซต์DrZenคุณสามารถเพิ่มข้อมูลอื่น ๆ นอกเหนือจากการ ตรวจ ร่างกาย ทุก ระบบเพื่อข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่ามากขึ้นสำหรับคุณ ที่เพจ DrZen เราอัปเดตข้อมูลใหม่ๆ ที่ถูกต้องให้คุณอย่างต่อเนื่องทุกวัน, ด้วยความปรารถนาที่จะให้เนื้อหาที่สมบูรณ์ที่สุดสำหรับผู้ใช้ ช่วยให้คุณเพิ่มข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตได้อย่างแม่นยำที่สุด. ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อการ ตรวจ ร่างกาย ทุก ระบบ กลุ่มโรงพยาบาลบางไผ่ รูปภาพบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของการ ตรวจ ร่างกาย ทุก ระบบ การตรวจร่างกายเบื้องต้น (Physical examination) นอกจากการหาข่าวเกี่ยวกับบทความนี้แล้ว การตรวจร่างกายเบื้องต้น (Physical examination) คุณสามารถดูและอ่านบทความเพิ่มเติมด้านล่าง คลิกที่นี่ คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับการ ตรวจ ร่างกาย ทุก ระบบ #การตรวจรางกายเบองตน #Physical #examination.
ตรวจการทำงานของไต (Creatinine, Bun) ไตเป็นหนึ่งในอวัยวะที่ทำงานหนักที่สุดของร่างกาย เพราะในหนึ่งวันต้องกรองของเสียในเลือดมากกว่า 180 ลิตร ออกไปทางปัสสาวะ ดังนั้นการตรวจการทำงานของไต จึงทำได้โดยการวัดระดับ Creatinine ในเลือด ซึ่งเป็นของเสียที่ไตจะต้องขับทิ้ง หากมีปริมาณ Creatinine สูง อาจเป็นสัญญาณที่ไม่ดีของโรคไตก็ได้นะ 10. ตรวจการทำงานของตับ (SGPT, SGOT) ตับมีหน้าที่คล้ายกับไส้กรองของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นสารพิษ เชื้อโรค ที่เรากินเข้าไป ตับจะทำหน้าที่กรองสิ่งเหล่านั้นแล้วใช้เอ็นไซม์กำจัดสารพิษทิ้ง ซึ่งการตรวจระดับเอ็นไซม์ในตับ (ALT) ก็สามารถบอกสภาพของตับได้ว่ายังสบายดีอยู่ไหม หากพบสัญญาณที่อันตรายต่อตับ จะได้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ทัน อ่านเพิ่มเติม: ตรวจตับ อาจจับสัญญาณอันตรายได้ตั้งแต่ต้น! 11. ตรวจหาระดับกรดยูริคในเลือด (Uric Acid) การตรวจหากรดยูริคในเลือดจะช่วยให้เราควบคุมพฤติกรรมการกินได้ เพราะกรดยูริคส่วนหนึ่งมาจากอาหารการกิน เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารและยาบางชนิด เป็นต้น หากมีกรดยูริคสูงเกินไป อาจมีผลทำให้กรดยูริคไปจับตัวกับโซเดียมในเลือดจนเกิดเป็นเกลือยูเรต (Monosodium urate) ซึ่งเกลือยูเรตอาจไปสะสมตามข้อต่างๆ ในร่างกาย ทำให้เกิดอาการปวดขึ้นมาได้ 12.
ตรวจร่างกายเบื้องต้นต้องเช็กอะไรบ้าง? การตรวจสุขภาพประจำปี นั้นมีรายการตรวจมากมายให้เลือก ด้วยรายการที่มีมากมายนั้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่า การตรวจร่างกายแบบไหนเหมาะกับเรา ด้วยพฤติกรรมความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เราสามารถขอปรึกษาจากแพทย์แนะนำการตรวจคัดกรองตามที่เราต้องการได้ ถ้าแบบนั้นแล้วการตรวจร่างกายขั้นพื้นฐานที่นั้นต้องมีอะไรบ้างนะ ถึงจะครอบคลุมครบทุกด้าน 1. ตรวจเลือด หรือ Complete Blood Count (CBC) เราสามารถตรวจดูความสมบูรณ์ของเลือด นับปริมาณของเม็ดเลือดแดง ความเสี่ยงตอภาวะโลหิตจาง ตรวจนับเม็ดเลือดขาวที่มีผลต่อการสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย รวมถึงเกล็ดเลือดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดอีกด้วย 2. ระดับน้ำตาล หรือ Fasting Blood Sugar ระดับน้ำตาลในเลือดนั้นสามารถคัดกรองความความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน และประเมินการระดับน้ำตาลเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดโรคเบาหงานได้อีกด้วย 3.